Arachidonic acid(AA) ที่ได้จากกรดไลโนเลอิคในน้ำมันพืชหรือในธรรมชาติ อีกทั้งจากการดึงเอามาจากเยื่อหุ้มเซลล์ เวลาสร้างสารที่กระตุ้นการอักเสบหรือ Eicosanoid จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ตามชนิดของเอนไซม์ที่มาทำปฏิกิริยาด้วย ได้แก่ LOX, COX
1.กลุ่ม LOX(lipoxygenase)
ผลิตผลที่ได้จะเป็นสารในกลุ่มที่เรียกว่า Leukotriene คนที่เป็นหอบหืดรุนแรงหรือภูมิแพ้รุนแรงจะได้รับยามาตัวนึง ชื่อว่า Montelukast ซึ่งกลไกของมันก็คือยับยั้งการทำงานของ LOX เพราะ Leukotriene มีผลในการดึงเอาเซลล์อักเสบมารวมกันและทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อหลอดลมนั่นเอง
ดังนั้นในกรณีของคุณสุรินทร์ที่เคยหอบ มีเสียงวี๊ดในปอดมาหลายปีหายไป น่าจะมาจากกลไกนี้ส่วนนึงด้วยแหละครับ
2.กลุ่ม COX(Cyclooxygenase)
ผลิตผลที่ได้จะเป็นสารในกลุ่มที่เรียกว่า Prostaglandin ซึ่งแบ่งออกเป็นอีกหลายชนิดเช่น โพรสตาแกลนดินD/E/F/G/H/I และ Thromboxane(thrombus คือเกร็ดเลือดที่เกาะกัน) และกระบวนการสร้าง Prostaglandin เหล่านี้จะเกิดมากในเซลล์ผนังหลอดเลือด เซลล์เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือด ออกฤทธิ์แบบเฉพาะตำแหน่งที่มีการสร้างสารพวกนี้เท่านั้น ไม่วิ่งไปตามกระแสเลือด
ผมจะไม่ลงรายละเอียดว่าตัวไหนส่งผลอย่างไร แต่คร่าวๆคือ สารกลุ่ม Prostaglandin เหล่านี้จะดึงเอาพวกเซลล์อักเสบมารวมกัน ทำให้รูของผนังเซลล์ที่มีคุณสมบัติเป็นเยื่อเลือกผ่านกว้างมากขึ้นเพื่อให้สารต่างๆหรือเซลล์ต่างๆเข้าออกมากขึ้น ทำให้เกร็ดเลือดเกาะกลุ่ม เพิ่มความไวของความรู้สึกเจ็บ เพราะฉะนั้นสมมติว่าเวลาเราเป็นแผลและติดเชื้อ เราจะปวดเอามากๆ
การตอบสนองของร่างกายเพื่อไม่ให้การอักเสบเหล่านี้มีมากเกินไป ต่อมหมวกไตจะสร้างสิ่งที่เรียกว่า Glucocorticoid ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ Cortisol ที่สามารถยับยั้ง Phospholipase A2 ไม่ให้สร้าง AA และ COX enzyme ทั้งหมด
ลองจินตนาการดูว่าถ้าสารอักเสบเหล่านี้เกิดขึ้นที่หลอดเลือดหัวใจบ่อยๆ ผนัง artery ของเส้นเลือดหัวใจอักเสบและเสียคุณสมบัติในการคัดเลือกสารต่างๆหายไป เปิดช่องให้ small dense LDL เข้าไปได้มากขึ้นและดึงพวกเซลล์อักเสบเข้าอีกเป็นจำนวนมาก หลอดเลือดตรงนั้นก็คงจะเยินน่าดู
ดังนั้นในกรณีที่เราเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ หรือเส้นเลือดสมองตีบ
คุณหมอจะให้ยาละลายลิ่มเลือดมา 1 ตัว นั่นก็คือ Aspirin ซึ่ง Aspirin เป็นยาในกลุ่ม NSAIDs ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้ง COX pathway ช่วยควบคุมเรื่องการอักเสบภายในร่างกาย แต่ที่ดีที่สุดคือการที่เราต้องลดการกระตุ้นการอักเสบตั้งแต่ต้นเรื่องเลยครับ
และนี่คือเหตุผลที่ทำไมเราไม่ควรบริโภค Omega-6 มากจนเกินไป